เมื่อพูดถึงคำว่าถูกปฏิเสธแล้ว แน่นอนแม้แต่ผู้ใหญ่อย่างเรา ๆ ในบางสถานการณ์ก็ไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ แต่เพียงไม่นานก็ปรับอารมณ์ได้ และเข้าใจว่าเป็นเพียงเรื่องธรรมดาของชีวิต ซึ่งคนเราก็ไม่มีใครเจอกับสถานการณ์ที่ถูกปฏิเสธไปทุกครั้ง บางครั้งก็สมหวังบางครั้งก็ไม่สมหวัง ดังนั้นการทำให้ลูกน้อยวัย 2 – 8 ปีเข้าใจว่าการถูกปฏิเสธนั้นเป็นเรื่องธรรมดาจะต้องทำอย่างไร ที่จะไม่ทำให้เกิดการทะเลาะและทำให้เด็กมีความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างลึกซึ้ง วันนี้เราก็มีแนวทางดี ๆ มาแนะนำกัน

การปฏิเสธเด็กปัญหาของพ่อแม่

การปฏิเสธเด็กโดยเฉพาะในวัย 2 – 8 ปีนี้เป็นเรื่องที่ยากมาก โดยเฉพาะคุณแม่มือใหม่ที่ต้องการทำให้ลูกน้อยมีความสุขในทุก ๆ เรื่อง แต่ในชีวิตจริงแล้วเด็กก็ไม่สามารถได้รับสิ่งที่ต้องการได้ทุก ๆ ครั้งโดยให้คุณใช้วิธีการดังนี้…

1. ให้เหตุผล

ให้เหตุผลก่อนปฏิเสธ ถ้าปฏิเสธก่อนเด็กก็จะรู้สึกผิดหวังไปก่อนแล้ว ภายในจิตใจก็จะไม่รับเหตุผลที่คุณอธิบายตามมา ยกตัวอย่างเช่นคุณปฏิเสธไม่ให้ลูกนั่งม้าหมุน และค่อยให้เหตุผลว่าค่อยมานั่งในครั้งถัดไปเพราะไม่มีเวลา ให้คุณเปลี่ยนมาให้เหตุผลก่อนที่จะปฏิเสธจะทำให้เด็กค่อย ๆ ทำความเข้าใจได้

2. อย่าเปลี่ยนใจ

ในกรณีที่คุณตัดสินใจที่จะปฏิเสธไปแล้ว ให้ยึดติดกับความคิดนั้นและทำให้สำเร็จ เพราะในกรณีที่ลูกของคุณตื๊อหรือร้องไห้อยากจะทำตามใจให้ได้และคุณเปลี่ยนใจ เด็กก็จะเรียนรู้ว่าในยามที่มีการร้องไห้งอแงหรือแสดงความไม่พอใจนั้นคุณสามารถที่จะเปลี่ยนใจได้ ดังนั้นในครั้งถัดไปที่เด็กไม่ได้ดั่งใจก็จะแสดงอาการเช่นนี้ต่อเนื่องเข้าไปอีก ทำให้เกิดปัญหาไม่รู้จักจบจักสิ้น

3. ยื่นข้อเสนอด้านอื่น ๆ

เพราะการมีสัมพันธ์ที่ดีบางครั้งไม่ใช่การปฏิเสธแบบทันทีทันควัน แต่เป็นการตกลงเพื่อสร้างความประนีประนอมและอาจทำให้เกิดกิจกรรมสร้างสรรค์ใหม่ ๆ ขึ้นมา ในกรณีที่ลูกของคุณต้องการทานขนมชิ้นหนึ่งมากแต่มีราคาสูง คุณอาจยื่นข้อเสนอว่าขนมมีราคาแพงจนเกินไป แต่สามารถทานได้ในราคาที่ถูกด้วยการซื้อส่วนผสมต่าง ๆ ไปช่วยกันทำที่บ้าน ซึ่งทำทานได้หลายครั้ งประหยัดและยังทำให้คุณมีกิจกรรมกับลูกน้อยเพิ่มขึ้นมาอีกด้วย

ลดการปฏิเสธ

แต่อย่างไรก็ตามการแบกรับคำปฏิเสธมากจนเกินไป แม้แต่ผู้ใหญ่บางครั้งก็สติหลุดได้เช่นเดียวกัน ดังนั้นเด็กเองก็ด้วย คุณควรที่จะลดคำพูดปฏิเสธให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยแบ่งออกเป็น 2 วิธีได้แก่…

  • เจรจาและประนีประนอม เช่นในกรณีที่เด็กต้องการไปสวนสาธารณะวันนี้ แต่คุณไม่อาจที่จะไปได้คุณสามารถที่จะปฏิเสธและยื่นข้อเสนอว่าสามารถพาไปในวันเสาร์ได้ เป็นต้น
  • ตกลงให้เข้าใจ ในกรณีที่คุณจะไปซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ต ก่อนที่จะไปคุณต้องให้เหตุผลลูกว่า ไปซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ตนี้ต้องการซื้ออะไ รมีการกำหนดเงินในการซื้อกี่บาท ซึ่งจะทำให้ลูกน้อยนั้นเข้าใจถึงเหตุผลหรือในกรณีที่คุณอยากไม่อยากปฏิเสธและอยากให้ลูกมีความสุข คุณอาจจะให้ลูกซื้อขนม 1 ชิ้นตามที่ต้องการในราคาไม่เกิน 50 หรือ 100 บาท เด็กก็จะจดจ่ออยู่กับการเลือกซื้อขนมที่ต้องการ และไม่ว่อกแว่กไปกับสิ่งเร้าสักเท่าไหร่นัก

และนี่ก็คือคำแนะนำดี ๆ ที่เรานำมาเสนอกันในวันนี้และในกรณีที่ลูกของคุณปฏิบัติตัวดีน่ารักไม่ดื้อ แนะนำให้คุณให้ซื้อของเล่นหรือขนมอร่อย ๆ เป็นของรางวัล เขาจะได้มีกำลังใจต่อไป